ผู้ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

S! Radio
Labanoon One Volumn 1
เพลง บังอาจรักเธอ
ศิลปิน Labanoon
อัลบั้ม Labanoon One Volumn 1
ดูเนื้อเพลงคัดลอกโค้ดเพลงนี้

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

งา ธัญพืชต้านโรค



งา ธัญพืชต้านโรค




ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะว่า เมล็ดพืชเล็ก ๆ อย่าง “เมล็ดงา” น่ะ จะมีประโยชน์มากมายเกินตัวขนาดนี้ ซึ่งมิใช่แค่ความหอม หรือความอร่อยของงาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่งายังเป็นพืชที่มากไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วยมากวิตามินงา เป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 และวิตามินไบโอติน โคลีน ไอโนสิตอล กรดพาราอะมิโนแบนโซอิค สารเหล่านี้จะช่วยบำรุงประสาทให้เป็นไปอย่างปกติ นอกจากนี้ในงายังมีกรดไขมันไลโนลีอิกอยู่มากด้วยเช่นกัน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและสามารถเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ดีหากท่านที่มีอาการเกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก หรือเมื่อยสายตา ควรหันมารับประทานงาเป็นประจำนะคะ เพราะสามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้ นอกจากนี้แล้วงายังเป็นอาหารต้านมะเร็งและช่วยชะลอความชราให้ช้าลงไปอีกด้วย
งาเป็นแหล่งโปรตีนและแร่ธาตุธาตุเหล็ก บำรุงเลือดธาตุไอโอดีน ป้องกันโรคคอพอกธาตุสังกะสี บำรุงผิวหนังธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟัน(ทางกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า งามีแคลเซียมากกว่าพืชผักชนิดอื่นถึง 20 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าพืชผักอื่น ๆ 20 เท่า ซึ่งธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นแร่ธาตุที่สำคัญมาก ๆ ในการเสริมสร้างกระดูกประโยชน์ที่ได้จากงาทางการแพทย์ถือว่า งาเป็นอาหารที่สามารถบำรุงกำลังได้เป็นอย่างดีและยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ยังป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันอาหารท้องผูก บำรุงกระดูก บำรุงรากผม รักษาอาการนอนไม่หลับ และยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิดสรรพคุณทางยาปัสสาวะ อุจจาระขัด เมล็ดงา 20 – 25 กรัม แช่ในน้ำเดือด หรือต้มรับประทานขณะท้องว่างความดันโลหิตสูง เมล็ดงา น้ำส้ม ซีอิ๊วและน้ำผึ้งอย่างละ 30 กรัม ผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง คนให้เข้ากันแล้วต้มด้วยไฟอ่อน ๆ จนสุก รับประทานวันละ 3 ครั้งเป็นประจำไอแห้ง ไม่มีเสมหะ เมล็ดงา 250 กรัม น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม บดรวมกับรับประทานครั้งละ 15 – 20 กรัม จากนั้นนำผงที่ได้เติมน้ำเดือดไว้สัก 2 – 3 นาที ดื่มขณะยังอุ่น ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นน้ำมันงาสูตรบำรุงกระตุ้นการงอกของเส้นผม โดยไปเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตรอบ ๆ รูขุมขนบนหนังศีรษะเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวพรรณ และต้านอนุมูลอิสระบำรุงเส้นผม ป้องกันการแก่ตัวและยืดอายุเซลล์ผิวหนังTricksเด็กที่กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต หากได้รับประทานงาเป็นประจำร่างกายจะมีการเจริญเติบโต และยังสามารถเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงสุภาพสตรีวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดน้อยลงอย่างมาก ทำให้มีการดึงแคลเซียมอกจากกระดูกมาใช้แทน ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกเสื่อมจึงมีสูง ฉะนั้นควรหันมาบริโภคงามาก ๆ เพราะจะได้ช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กับร่างกายอีกทางหนึ่งTipsใช้น้ำมันงาดิบนวดตัวในตอนเช้าก่อนอาบน้ำ ช่วยปรับระบบประสาทและระดับฮอร์โมนให้เข้าสู่สภาวะสมดุล ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลายความตึงเครียดใช้น้ำมันงาดิบนวดตัว เพื่อขจัดอาการปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเข่า เคล็ดขัดยอก ทำให้กล้ามเนื้อไม่เหี่ยวย่น ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เนื่องจากน้ำมันงาดิบสามารถซึมผ่านผนังได้ทุกชั้น
สงวนลิขสิทธิ์โดย
อ้างอิง

ธัญพืชเพื่อสุขภาพ




ธัญพืชเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรง ผู้บริโภคนิยมผสมในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เช่น นม หรือเครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูป ดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย ปัจจุบันมีธัญพืช 4 ประเภทที่กำลังฮิตในบ้านเรา อะไรบ้างและมีประโยชน์อย่างไร ข้าวสาลี อุดมด้วยสารอาหารมากกว่า 100 ชนิด มีแร่ธาตุหลักๆ ที่ร่างกายต้องการครบถ้วน มี วิตามินกลุ่มบีคอมเพล็กซ์ เป็นแหล่งโปรวิตามินเอสูงที่สุดในบรรดาอาหารต่างๆ ทั้งยังมีวิตามินซี อี และเคในปริมาณมาก วิตามินและแร่ธาตุสำคัญๆ จะอยู่บริเวณเปลือกข้าวและจมูกข้าว เครื่องดื่มบางชนิดจึงมักผสมจมูกข้าวสาลีเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์ นอกจากนี้ต้นกล้าข้าวสาลี ยังมีคลอโรฟิลล์และออกซิเจนสูง นิยมนำมาคั้นดื่มสดๆ เพื่อล้างพิษในร่างกาย ลูกเดือย เป็นธัญพืชให้พลังงานสูง และมีโปรตีนคุณภาพสูง ในตำรายาจีนมักใช้ลูกเดือยบดผสมข้าวต้มกินบำรุงกำลัง ที่สำคัญ ลูกเดือยยังมีสารอาหารอื่นๆ เช่น วิตามินบี 1 วิตามินเอ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม ใยอาหาร และกรดอะมิโน ช่วยให้หลับง่ายขึ้น ข้าวโอ๊ต อุดมด้วยใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำเล็กๆ คอยดูดซับอาหารจำพวกน้ำตาล แป้งและไขมันในลำไส้เล็ก และนำพาไปยังระบบขับถ่าย จึงช่วยลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ นอกจากนี้ยังมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยเร่งให้อุจจาระเคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ได้เร็วขึ้น มีสรรพคุณในการป้องกันและแก้ท้องผูก ทั้งนี้ ใยอาหารทั้งสองชนิดพบในเปลือกหุ้มเมล็ดข้าวโอ๊ต จึงควรกินข้าวโอ๊ตที่ไม่ขัดสี องค์กรอาหารและยา สหรัฐอเมริกา แนะนำให้กินข้าวโอ๊ตเป็นประจำเพื่อลดคอเลสเตอรอลและความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ งาดำ มีแคลเซียมสูงกว่านมวัวถึง 6 เท่า อุดมด้วยวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 และ บี 9 และวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงประสาท การกินงาดำเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระฉับกระเฉง และกระดูกแข็งแรง ในงาดำมีไขมัน ซึ่งจัดเป็นไขมันคุณภาพดี มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทั้งยังมีโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด และป้องกันโรคหัวใจ ในเมล็ดงาดำยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณสูง ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติประจำ ควรกินงาดำร่วมกับถั่วเพื่อให้ได้กรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างเพียงพอ วั น นี้ เ ร า ม า กิ น ธั ญ พื ช เ พื่ อ สุ ข ภ า พ กั น เ ถ อ ะ

อ้างอิง

อาหารธัญพืชเต็มเมล็ดเสริมสุขภาพ



อาหารธัญพืชเต็มเมล็ดเสริมสุขภาพ
อาหารธัญพืชเต็มเมล็ดเสริมสุขภาพ บริษัทเนสท์เล่ ประเทศไทย จัดเวิร์กช็อปให้ความรู้เทรนด์อาหารสุขภาพ "โฮลเกรน" หรือ ธัญพืชเต็มเมล็ด ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด โดยคงส่วนประกอบสำคัญในธัญพืชครบถ้วน ได้แก่ เยื่อหุ้มเมล็ด (Bran) เนื้อเมล็ด (Endosperm) และจมูกข้าว (Germ) เพื่อรักษาสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยอาหาร โปรตีน วิตามินบี วิตามินอี ธาตุเหล็ก แร่ธาตุ และไฟโตนิวเตรียนต์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ต่างๆ ตัวอย่างของโฮลเกรน ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข่าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ ลูกเดือย ที่ผ่านการขัดสีน้อยและยังคงส่วนประกอบสำคัญครบถ้วน ซึ่งคุณค่าสารอาหารในโฮลเกรนนั้น มีประโยชน์ต่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากกินเป็นอาหารเช้า ร่างกายจะย่อยอย่างช้าๆ และค่อยปล่อยพลังงานออกมา จึงช่วยให้มีพลังงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะถึงมื้อกลางวัน ส่งผลไม่ให้กินจุบจิบ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ป้องกันท้องผูกและทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ปทุมรัตน์ เพียรชอบ ผู้จัดการเวลเนส บริษัทเนสท์เล่ ประเทศไทย กล่าวว่า ควรบริโภคอาหารที่ทำมาจากโฮลเกรนให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 ส่วนต่อวัน คำนวณได้ ว่า หนึ่งส่วนเทียบเท่าข้าวกล้อง 100 กรัม 1 ถ้วย ซีเรียลโฮลเกรน 30 กรัม 1 ถ้วย ขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น เพื่อสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะข้าวกล้องมีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่าข้าวขัดสี มีพลังงาน โปรตีน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่า นอกจากนี้ยังเลือกใช้แป้งโฮลเกรนในการทำอาหารได้ด้วย เช่น พาสต้าที่เป็นโฮลวีต เป็นต้น
แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์ มติชน

ผลไม้-ธัญพืช สูตรอาหารเช้ารับอรุณ


ผลไม้-ธัญพืช สูตรอาหารเช้ารับอรุณ

นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุลตามหลักการอาหารแนวธรรมชาติบำบัดให้ถือว่า ควรกินผัก ผลไม้กับธัญพืช 60% ลดไขมันลงเหลือวันละ 20% นอกนั้นให้กินโปรตีนประมาณ 50-60 กรัม ส่วนแคลอรีลดได้จากวันละ 3,300 แคลอรีต่อวันเหลือ 1,600 แคลอรี ที่เป็นเช่นนี้ตั้งอยู่บนเหตุผลที่ว่าร่างกายของคนเราที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องการอาหารโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตมากนัก เพียงเอามาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเท่านั้น ปัญหาประการหนึ่งที่คนแวดล้อมผมมักหยิบยกขึ้นมาถามก็คือกินผลไม้จะอยู่ท้องหรือเปล่า นี่น่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องพูดคุยกันในทางปฏิบัติจริงเราต้องรู้ก่อนว่าระดับอาหารที่เรากินทุกวันนี้ ปริมาณแคลอรีสูงเกินมาตรฐาน ไขมันก็ล้นเกิน อาหารที่ล้นเกินเหล่านี้ไปไหน ก่อนอื่นเมื่อแป้งถูกย่อยเป็นน้ำตาลแล้วดูดซึมเข้าไปสู่กระแสเลือดส่งถึงเซลล์ กระบวนการที่อาหารจะผ่านเข้าสู่เซลล์และเซลล์เผาผลาญอาหารได้ เซลล์ต้องใช้วิตามินและเกลือแร่ชนิดต่างๆ แต่ในร่างกายที่ไม่ค่อยได้กินผัก ผลไม้และธัญพืช เซลล์จะขาดวิตามิน และเกลือแร่เหล่านี้ อาหารส่งมาถึงปากประตูแล้วแต่เซลล์เอาไปใช้งานไม่ได้ อาหารก็จะล้นเหลือแล้วส่งไปเก็บเป็นแป้งชนิดหนึ่งเรียกว่า ไกลโคเจน เก็บไว้ที่ตับ ส่วนไขมันก็เก็บไว้ตามพุงกะทิ วันแล้ววันเล่าที่ร่างกายรับอาหารล้นเกินอยู่เรื่อยๆ นอกจากเราจะอ้วนขึ้นแล้ว เซลล์ของเรายังเคยชินกับระดับน้ำตาลสูงๆ ที่เข้าไปหล่อเลี้ยง ถึงแม้น้ำตาลเหล่านั้นจะไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควรก็ตามครั้นเมื่อเราทำงานหนักซึ่งต้องใช้น้ำตาลกลูโคสขึ้นมาจริงๆ โดยธรรมชาติร่างกายเราจะเปลี่ยนไกลโคเจนที่ตับออกมาเป็นน้ำตาลอีกครั้งหนึ่ง ถ้ายังไม่พอก็จะหมุนเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามใต้ผิวหนัง แต่ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการสลายไกลโคเจนกับไขมันที่สะสมอยู่ในคลังอาหาร เราก็มักจะรู้สึกหิวโหยขึ้นมาเสียก่อน อันเป็นเหตุให้เรากินอาหารเข้าไปอีกครั้งหนึ่งดังนั้นถ้าเปลี่ยนอาหารมาเป็นผัก ผลไม้และธัญพืช 60% ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่เซลล์ทั่วร่างกายจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นในการเผาผลาญสารอาหารได้ครบครัน ดังนั้นแม้ว่าเราจะลดปริมาณแคลอรี ซึ่งก็คือ ข้าวและน้ำตาล หรือไขมันที่เรากินให้เหลือน้องลงไป แต่เซลล์ก็กลับมีประสิทธิภาพที่จะใช้สารอาหารเหล่านี้ได้หมดจดเกลี้ยงเกลา คนที่กินอาหารด้วยสูตรนี้จึงพบว่าร่างกายจะแข็งแกร่ง มีเรี่ยวแรง แต่ไม่อ้วนเลย...ผมแนะนำให้คนหันมากินอาหารเช้าด้วย ผลไม้และธัญพืช เพราะทุกวันนี้อาหารของคนในเมืองเปลี่ยนแปรไปมาก หลายคนไม่ยอมกินอาหารเช้า บางคนกินกาแฟถ้วยเดียวกับปาท่องโก๋ บางคนกินขนมปังทาเนยและแยม บางคนกินขนมปังไข่ดาว หมูแฮมแบบอเมริกันเบรกฟาสต์เลยทีเดียว ที่เป็นจารีตนิยมหน่อยก็กินข้าวต้มกับกับข้าวเบาๆ สองสามอย่างลองหันกินอาหารเช้าแบบธรรมชาติบำบัดที่ผมใช้อยู่บ้าง อาจได้ความอร่อย ทรงคุณค่าอีกแบบหนึ่งหนึ่ง ผมใช้ผลไม้ตามฤดูกาล ตั้งแต่มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงสุกอย่างน้ำดอกไม้หรืออกร่อง ชมพู่ มะละกอ ส้มโอ หรือฝรั่ง เลือกเอาสักอย่างหนึ่งตามใจคุณ หั่นใส่จานให้ได้สักครึ่งจานส่วนที่สองคือธัญพืช ผมใช้ลูกเกาลัด มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลันเตา ถั่วเขียว บางครั้งก็ลูกเดือย เมล็ดบางชนิดผมเลือกที่คั่วสุกแล้วไม่ใส่เกลือ บางชนิดกินดิบได้ อย่างมะม่วงหิมพานต์เป็นต้น สำหรับลูกเดือยต้องแช่น้ำข้ามคืนแล้วรุ่งเช้าเทน้ำออก เอาใส่เตาไมโครเวฟสัก 6 นาที ใครที่ไม่นิยมไมโครเวฟก็จะเอาใส่กระชอนจุ่มลงลวกในน้ำต้มเดือดๆ ครู่เดียวแล้วจุ่มน้ำเย็นรอบหนึ่ง จะสุกพอดีกิน อาหารส่วนนี้มีปริมาณสัก ? จานส่วนที่สามคือผลไม้แห้ง ส่วนนี้มีไว้เพื่อเพิ่มความหวานให้กับอาหารมื้อนี้ อาจใช้ลูกเกด พลับแห้ง สาลี่แห้ง สตรอเบอร์รี่แห้งหรือินทผลัม ส่วนนี้มีปริมาณสัก ? จานเช่นเดียวกัน ผลไม้แห้งได้จากโครงการหลวงฯ ที่ตลาด อตก.กินอาหารจานนี้พร้อมกับน้ำส้มคั้น 1 แก้ว คุณจะพบว่ารสชาติกลมกล่อม อร่อยทีเดียว แถมยังอยู่ท้องดีด้วย เมื่อก่อนนี้ผมกินข้าวต้มกับรำอ่อนเป็นอาหารเช้า พบว่าสายๆ ชักจะมือไม้สั่นตรวจคนไข้ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเริ่มหิวแล้วเสียแล้ว แต่เมื่อหันมากินอาหารเช้าสูตรนี้จะอิ่มไปถึงกลางวันได้สบายๆ ตั้งแต่ผมและครอบครัวหันมากินอาหารเช้าแบบนี้ ปรากฏว่าคนที่ชอบอกชอบใจมากที่สุดคือ แม่ครัว เพราะเธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาต้มข้าวเหมือนแต่ก่อน ถึงตรงนี้ผมจึงได้ความคิดว่าอาหารเช้าแบบนี้เตรียมได้ทันอกทันใจ แม้แต่คนที่ไม่มีครัวในบ้าน หรือที่ต้องแข่งกับเวลาออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ก็อาจจะเตรียมอาหารเช้าแบบนี้กินเองได้ หมดข้ออ้างที่จะไปกินกาแฟหรืออาหารถุงหน้าที่ทำงานอีกเคล็ดลับของอาหารเช้ามื้อนี้มีอยู่ว่า คุณควรเตรียมใส่จานไว้ และนั่งกินอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่ใช่การคว้ามากัดกิน อย่างโน้นคำอย่างนี้คำเพราะจะทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้กินอาหารเช้า รู้สึกว่ากินขนมเสียมากกว่า เลยรู้สึกว่าไม่อิ่ม บางทีการกินอย่างไม่เป็นกิจจะลักษณะก็อาจทำให้กินในปริมาณไม่มากพอตามที่ควรจะเป็น อีกประการหนึ่งผมเน้นให้กินธัญพืชพวกเมล็ด และผลไม้แห้งด้วย เพราะทำให้กลมกล่อมกินได้มากกว่าการกินผลไม้แต่เพียงอย่างเดียว ทั้งธัญพืชยังอุดมด้วยวิตามินอีที่มีประโยชน์มากมายหลังจากบทความเรื่องอาหารเช้าของผมลงพิมพ์ได้ไม่นาน ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณหมอรัตนา เพื่อนหมอจากรามาธิบดี เธอยิงคำถามใส่ผมในแบบภาษาฟุตบอลเรียกว่า"กึ่งผ่านกึ่งยิง" ว่ากินลูกเกดกับเกาลัดเป็นอาหารเช้าจะไม่อ้วนเป็นตุ่มหรือ เล่นเอาผมในฐานะนายทวารเฝ้าประตูต้องกระโดดรับลูกสุดปลายมือเลยทีเดียว"คิดดูซิเกาลัดก็น่ากิน ลูกเกดก็ยิ่งอร่อยใหญ่...เธอไม่รู้หรือว่าลูกเกดน่ะเรากินได้ทีละกล่อง..." เธอพูดต่อโดยที่ผมไม่ทันได้ตอบผมปล่อยให้เธอสาธยายต่อไป 2 นาทีเต็มจึงตอบเธอไปว่า"การจะกินอาหารเช้าผลไม้กับธัญพืช เรากำหนดให้กินเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม คือ ผลไม้สด 2 ส่วน ผลไม้แห้ง 1 ส่วน และธัญพืช 1 ส่วน ให้จัดอาหารเหล่านี้ใส่จานอาหารเช้าได้ 1 จานพอดี กินด้วยกันกับน้ำส้มคั้น 1 แก้ว ด้วยสัดส่วนขนาดนี้จะได้ปริมาณอาหารประมาณ 300แคลอรี พอดิบพอดี เหลืออีกประมาณ 1,300-1,500 แคลอรีสำหรับอาหารอีก 2 มื้อ รวมทั้งวันจะได้ 1,600-1,800 แคลอรีก็เพียงพอแล้วสำหรับคนทำงานทั่วไปในเมือง เพราะสัดส่วนอาหารอย่างธรรมชาติบำบัดไม่ต้องการแคลอรีมากมายอย่างที่ผู้ที่กินอาหารแบบตะวันตกซึ่งจะรับแคลอรีเข้าไปถึงวันละ 3,000 แคลอรี แคลอรีส่วนเกินมักไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นเหตุให้เกิดความอ้วน ส่วนอาหารธรรมชาติบำบัดที่เน้นผักสด ผลไม้ ธัญพืช วันละ 60% ที่เหลือเป็นอาหารอื่นเฉลี่ยกันไปใน 3 มื้อ ทำให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามินอย่างเต็มที่ ฉะนั่นกินอาหารแคลอรีไม่มากแต่ร่างกายนำไปใช้ได้หมดจดเกลี้ยงเกลา เปรียบเหมือนเครื่องยนต์ที่หัวเทียนสะอาด น้ำมันเครื่องดี ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ "กินผลไม้แห้งแค่ 1/4 ของมื้อก็พอครับ ไม่ใช่กินเป็นกล่องๆ อย่างนั้นอ้วนแน่…

อ้างอิง

www.bloggang.com/viewdiary.php?id...month

ลูกเดือย





"ลูกเดือย" ธัญพืชเพื่อสุขภาพ


"ทำไมคุณย่าถึงชอบต้มลูกเดือยร้อนๆ ไว้ทานทุกเช้าล่ะครับ" เจ้าหลานชายตัวน้อยเอ่ยถามคุณย่า เพราะถึงแม้เขาจะคุ้นเคยดีกับการกินลูกเดือย ทั้งลูกเดือยต้มหรือลูกเดือยที่เป็นส่วนผสมหนึ่งในน้ำอาร์.ซี. ที่คุณย่าชอบทานก็ตามที แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าลูกเดือยเมล็ดกลมๆ นี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง คุณย่าจึงเล่าถึงสรรพคุณดีๆ ของลูกเดือยว่า
คุณค่าทางอาหาร ลูกเดือยมีฟอสฟอรัสอยู่ในปริมาณสูง จึงช่วยบำรุงกระดูก รองลงมามีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และมีวิตามินบีหนึ่งมาก ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเหน็บชา อีกทั้งเป็นอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายสูง จึงมีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง และเหมาะสำหรับคนไข้พักฟื้น
คุณค่าทางยา ใช้ชงป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
นอกจากนี้ ในตำรายาจีนยังใช้ลูกเดือยบดผสมข้าว ต้มเป็นข้าวต้มกินทุกวันเพื่อบำรุงกำลัง ช่วยหล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้บวมน้ำ ปวดข้อเรื้อรัง ทั้งยังเชื่อว่าการรับประทานลูกเดือยต้มน้ำตาลสามารถที่จะแก้ร้อนในได้อีก "นอกจากลูกเดือยจะทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้านแล้ว ยังเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้สูงอายุและคนทุกวัยอีก รู้อย่างนี้ ผมต้องขอเติมอีกชามแล้วล่ะครับ" หลานชายตัวน้อยพูดพร้อมยื่นชามใบเดิมให้คุณย่าทันที
อ้างอิง
women.mthai.com ›